วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Cannes Lions



กิ้งเอ๋ย กิ้งก่า..
ตัวเล็กน่ารักหนักหนา
ขยับหัว ส่ายหาง ถ่างขา
กิ้งก่า..กายสิทธิ์
กิ๊ดดดด..กิด..กิด..กิด..กิด..กิด..
กิ๊ดดดดดดดดด..กิด..กิด..กิด..กิด..กิดดดดดดดดดดดดดดดด




คงจะแปลกใจกันใช่มั้ยละ ที่ครั้งนี้ผู้เขียนได้นำเพลงเด็กๆที่มีท่าทางประกอบน่ารักมาเป็นตัวนำซะขนาดนี้แต่ต้องแปลกใจกันมากกว่านี้อย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่จะนำเสนอในวันนี้ไม่ใช่แค่กิ้งก่าธรรมดา  แต่เป็นสิงโตในคราบของกิ้งก่า  สนใจกันแล้วละสิ ว่าผู้เขียนคนนี้ต้องการที่จะนำเสนออะไร หรือว่าจะเป็นลูกผสมของกิ้งก่ากับสิงโตกันนะ? ไม่ต้องคิดกันไปไกลหรอกค่ะ  เพราะสิ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอในครั้งนี้นั่นก็คือ

PRESS  LIONS  WINNERS
“GOLD  LION”
                  Title: CHAMELEON
                  Advertiser/Client  :  RECKITT BENCKISER
                  Product/Service   :  SHIELDTOX NATURGARD INSECT REPELLENT
                  Advertising Agency: EURO RSCG BANGKOK, THAILAND 
                  Illustrator: Anuchai Secharunputong
                  Photographer: Remix Studio Bangkok

เอ๊ะ! ก็แค่กิ้งก่าธรรมดาๆ..........เหรอ?

แท้จริงแล้วนั้นกิ้งก่าตัวนี้มียศเป็นถึงสิงโตระดับทองคำเลยทีเดียว เพราะเป็นงานออกแบบโปสเตอร์ที่ได้รับรางวัล Cannes Lions ซึ่งถือว่าเป็นงานระดับโลกที่จัดขึ้นมาเฉลิมฉลองให้กับแนวคิดการสร้างสรรค์ผลงานการโฆษณาและการส่งต่อแนวคิดใหม่ๆนอกกรอบโฆษณาแบบเดิมๆ  โดยล่าสุดใน International Festival of Creativity Cannes Lions  2011 ชาวไทยได้มีโอกาสอวดศักยภาพต่อชาวโลก ด้วยการกวาดรางวัลมาอย่างมากมาย  หนึ่งในรางวัลนั้นได้แก่ รางวัล “GOLD  LION” ในสาขา PRESS  LIONS  สาขาเกี่ยวกับการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ ด้วยผลงานในชุด  SHIELDTOX  NATURGARD  INSECT  REPELLENT หรือก็คือเจ้ากิ้งก่าตัวนี้นั่นเอง

และแน่นอนว่าเป็นถึงผลงานที่ได้รับรางวัลระดับโลกทั้งที  คงไม่ใช่ผลงานที่มีดีแค่สีสวยหรือคมชัด แต่ต้องมีอะไรที่อัดแน่นอยู่ในงานชิ้นนั้น  และผลงานชุด SHIELDTOX NATURGARD INSECT REPELLENT ที่ได้รับรางวัลนี้ก็สามารถตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดี

อย่างแรกของคนที่เห็นโฆษณาชิ้นนี้ต้องเป็นเหมือนกันคือสะดุด เอ๊ะ ภาพอะไร?” ด้วยการจัดวางภาพในหลักการเน้นให้เกิดจุดเด่น ที่ผู้ออกแบบได้จัดส่วนหลักของภาพหรือประธานของภาพด้วยการเน้นแบบจัดกลุ่ม  เน้นขนาดและจุดรวมสายตา  นำเสนอด้วยภาพกิ้งก่าที่ถูกจับเอาไว้ในมือ  โดยกิ้งก่ามีอิริยาบทกำลังกินแมลงอยู่  มือที่จับอยู่นั้นก็ทำท่าทางเหมือนกำลังกดอะไรซักอย่าง  อีกทั้งมีการใช้เส้นแย้งมาประกอบในภาพ  สื่อว่าสัตว์ที่กำลังจับอยู่นั้นใช้ลิ้นจับแมลง  เมื่อนำภาพที่ได้เห็นมาเชื่อมโยงกับประสบการณ์ในความทรงจำ อ๋อ คงเป็นโฆษณาสเปรย์ฆ่าแมลง ก็เป็นคำพูดต่อมา แล้วด้วยการออกแบบที่ไม่ได้จบเพียงแค่นี้ ผู้ออกแบบยังใส่ในส่วนประกอบ เป็นรูปกระป๋องสเปรย์ที่มีสีและลักษณะการออกแบบที่รู้จักกับดี พร้อมด้วยประโยค Natural  Protection ขนาดเล็กอยู่ที่มุมของภาพ  ด้วยรายละเอียดแค่นี้ก็ทำให้เราเข้าใจได้ถึงสิ่งที่ผู้ออกแบบต้องการจะสื่อ  คือสเปรย์ Shieldtox สูตรนี้เป็นสูตรธรรมชาติปลอดภัย แถมจัดการแมลงได้แน่นอนเหมือนกิ้งก่ากินแมลง  จนสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า "เข้าใจแล้ว" 

              นอกจากนี้ยังมีการเว้นว่าง(space)ในส่วนของฉากหลัง  ช่วยเน้นจุดเด่นให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ทำให้ภาพโล่งและโดดจนเกินไป  ด้วยการไล่โทนสีสว่างในส่วนของฉากหลังเพิ่มความกลมกลืนของภาพ 

"การออกแบบที่มีส่วนประกอบเพียงเล็กน้อย  แต่ให้เนื้อหารายละเอียดที่ครบถ้วน 
ไม่มีส่วนที่เสียเปล่า  ดังแนวคิดเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง
สมฐานะสิงโตทองคำแห่งวงการครีเอทีฟจริงๆ"


......................................................................................................................................................

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

WE ARE IN SAME FAMILY ?

"หนังสือที่รวบรวมวีรกรรมความติงต๊องของคนไทย"

สำหรับคนที่ท่องไปยังโลกของอินเทอร์เน็ตและโซเชียลเน็ตเวิร์ค  คงจะเคยพบเห็นและรู้จักกันดีสำหรับสัญลักษณ์รูปเป็ดเหงื่อตกบนพื้นหลังสีเหลืองอ๋อยของเว็บ fail.in.th   ซึ่งในขณะนี้นั้นทางเว็บได้มีการตีพิมพ์หนังสือที่เป็นการรวบรวมมุขต่างๆในเว็บจากสองปีที่ผ่านมา ให้อยู่ในรูปแบบหนังสือแล้วในชื่อหนังสือ “Fail  OF THE  สอง  YEARS”

                หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวบรวมรูปภาพที่อยู่ในคำจำกัดความของคำว่า fail (เฟล) ที่หมายความว่า ผิดหวัง ผิดพลาด ล้มเหลว  แต่ไม่ว่าคำๆนี้จะมีความหมายในทางลบเพียงใด  เมื่อถูกในมาใช้ในประเทศไทย  ประเทศที่ได้ชื่อว่า สยามเมืองยิ้ม ประเทศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน  บวกกับความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย ทำให้คำว่าเฟลที่เรารู้จักได้มีความหมายเปลี่ยนเป็น  แป้ก  เปิ่น วืด และเสื่อม สามารถเรียกรอยยิ้มของผู้พบเห็นได้ทันที
 
                 จากที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เคยอยู่ในรูปแบบของเว็บมาก่อน  หนังสือจึงมีรูปแบบใกล้เคียงกับในตัวเว็บไซต์  มีการนำเอารูปแบบ ลักษณะ และเอกลักษณะเฉพาะของโลโก้  โทนสี สัญลักษณ์  จากในเว็บมาใช้  เช่น
 โลโก้เป็ดเหงื่อตก   
เป็นรูปเป็ดสีดำ และมีตาเป็นรูปหยดน้ำ  
 เป็นโลโก้เดียวกับที่ใช้ในเว็บไซต์   
มาจากคำอุทานว่าเซ็งเป็ด !
  
โทนสีหลัก คือสีเหลืองสด 
ที่แสดงถึงความสดใสร่าเริง การมองโลกในแง่ดี

สัญลักษณ์  'WIN'  'FAIL' 
ใช้แสดงความคิดเห็นและแสดงอารมณ์ของภาพ


 ตัวหนังสือมีการจัดหน้ากระดาษให้อ่านง่าย  คล้ายกับการอ่านในเว็บ  เน้นจุดเด่นอยู่ที่รูปภาพ และมีการสอดแทรกความคิดเห็นตลกๆที่เป็นเหมือนกล่องคอมเม้นประจำรูปภาพนั้นลงไป ซึ่งนับว่าหนังสือเล่มนี้นั้นได้นำเอาจุดเด่นและข้อได้เปรียบในเรื่องของความคุ้นเคยของเหล่านักท่องเว็บมาอยู่ในรูปของหนังสือ  สร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้หนังสือ  ดึงดูดให้ผู้อ่านหนังสือสามารถชะงัดพร้อมทั้งหยุดหยิบหนังสือขึ้นมาดูได้โดยง่าย และพร้อมที่จะดูดเงินในกระเป๋าไปด้วยเช่นกัน เหมือนดังเช่นตัวผู้เขียนที่ติดกับดักนี้ไปแล้ว  ด้วยเป็นหนังสือที่มีสีสันสดใส มีสี่สีทั้งเล่ม มีตัวหนังสือไม่มาก  เมื่ออ่านแล้วได้คิดต่อ ไม่เบื่อหน่าย  ให้ความรู้สึกหลายหลากอารมณ์   อีกทั้งยังมีการจัดรูปเล่มให้อ่านง่าย น่าสนใจ  ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอ่านเว็บที่จับต้องได้  และไม่ต้องกลัวเลยว่าไฟดับแล้วจะอ่านไม่ได้ 

 เฟลาธิการ ( เฟล’ + ‘อธิการ)
ปรัชญา  สิงห์โต


 รูปภาพ+อ้างอิงจาก  http://www.facebook.com/fail.in.th
                           http://life.voicetv.co.th/cewebrity/10803.html


วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

MANGA & THAI


ณ ปัจจุบัน วัฒนธรรมความเป็นญี่ปุ่นในสังคมไทยนั้นปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไป ในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งสื่ออย่างละครและภาพยนตร์ เกม การ์ตูน เพลง แฟชั่น  การแต่งกาย อาหารการกิน สินค้านำเข้า  หนังสือ   เรียกได้ว่าแทบทุกด้านของชีวิต  และในอีกด้านหนึ่งของช่วงชีวิตวัยรุ่นคงไม่มีใครไม่รู้จัก การ์ตูนญี่ปุ่นหรือที่เรียนกันว่ามังงะ  มังงะมีจุดเริ่มต้นอยู่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเกิดจากการนำเอาภาพเขียน อุกิโยเอะ แบบญี่ปุ่นที่เน้นความคิดและอารมณ์มากกว่าลายเส้นและรูปร่าง กับการเขียนภาพแบบตะวันตกหรือคอมมิคมารวมกัน   ในประเทศไทยนั้น มังงะเกิดจากการดัดแปลงหนังสือการ์ตูนเรื่อง หุ่นอภินิหารแล้วนำมาตีพิมพ์ใหม่  โดยที่ยังคงลักษณะของตัวละครตามหนังสือที่ซื้อมา เมื่อวางตลาดแล้วแล้วปรากฏว่ามียอดขายดีมาก จึงทำให้มีนักเขียนคนอื่นๆพากันทำตาม   

โดยเนื้อหาของมังงะส่วนใหญ่ก็มักนำเสนอในเรื่องของความรักโรแมนติกเป็นส่วนใหญ่ แต่ในการ์ตูนญี่ปุ่นบางเรื่อง  ก็นำเสนอถึงความพยายามเพื่อไปสู่จุดหมาย  การฟันฝ่าอุปสรรคของตัวเอก และมีเนื้อหาที่แฝงไปด้วยวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ทั้งการแต่งกาย อาหารการกิน การใช้ชีวิตประจำวัน ความเชื่อ รวมทั้ง ลักษณะเฉพาะของชาวญี่ปุ่น เช่น  การนับถือระบบอาวุโส ระเบียบวินัย เป็นต้น  มังงะนั้นมีรูปแบบลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ และมีสัดส่วนใกล้เคียงกับรูปร่างร่างกายของมนุษย์สมส่วน จึงทำให้เข้าถึงได้ง่าย และเมื่ออ่านก็จะทำให้เกิดจินตนาการว่าเราเป็นตัวละครที่กำลังอ่านอยู่

แนวคิดหลายๆอย่างที่เราได้มาเมื่ออ่านมังงะ ทำให้เราเกิดการเลียนแบบ โดยเฉพาะในช่วงของวัยรุ่นซึ่งเป็นวัยของการเรียนรู้และถูกโน้มน้าวได้ง่าย  ค่านิยมของวัยรุ่นเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นการรักนวลสงวนตัว การวางตัวต่อเพศตรงข้ามที่ขัดต่อวัฒนธรรมไทยก็มีกันให้เห็นอยู่บ่อยๆ การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ปัญหาการข่มขืน การแก่งแย่งชิงดี ความก้าวร้าว การเสพติด การเพ้อฝัน   นอกจากการเลียนแบบแล้ว  ถ้าหากวัยรุ่นไทยอ่านการ์ตูนเหล่านี้แล้วไม่พิจารณาว่าอะไรจริง อะไรเป็นแค่เรื่องที่จินตนาการขึ้นมา แยกไม่ออกว่าอะไรดี อะไรไม่ดี ก็จะส่งผลต่อสังคมอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น เด็กผู้ชายที่อ่านการ์ตูนแนวต่อสู้ อาจจะซึมซับเอาความก้าวร้าวรุนแรงแล้วเอาไปใช้ในทางที่ผิด เช่น ยกพวกตีกัน เป็นต้น ส่วนเด็กผู้หญิงที่อ่านการ์ตูนประเภทการ์ตูนรักโรแมนติก แล้วคิดเอาไปเองว่าตัวเองเป็นนางเอกของเรื่อง ก็จะอาจทำให้เกิดพฤติกรรมแตกแยก  พฤติกรรมเล่านี้อาจเป็นเรื่องที่ปกติทั่วไปของสังคมญี่ปุ่น แต่เมื่อวัยรุ่นไทยนำมาทำตามจะไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม จนก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย 

                การ์ตูนในสมัยนี้นอกจากจะมีอิทธิพลต่อ ค่านิยม ระบบความคิด และการแต่งกายแล้วนั้น  ยังมีผลที่เราสามารถเห็นได้ในรูปของรูปธรรม เช่นการนำเอาการวาดลายเส้นแบบมังงะมาใช้ในการวาด หรือตีพิมพ์หนังสือสำหรับเด็ก และวัยรุ่น เพื่อให้เกิดความน่าสนใจ  แต่ในส่วนตัวของผู้เขียนนั้นรู้สึกขัดใจเป็นอย่างมากเมื่อไปเดินตามร้านหนังสือแล้วพบว่ามีการนำเอาวรรณกรรมไทย เช่น ไกรทอง พระอภัยมณี ฯลฯ  มาวาดและดัดแปลงให้มีลักษณะเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่น  แล้วพบว่าตัวละครบางตัวในเรื่องมีรูปร่างหน้าตา ตาโตๆ ปากนิดจมูกหน่อย  หน้าตาจิ้มลิ้ม มีทรงผมสมัยนิยม และสีผมสีชมพู  ขอออกตัวเลยนะว่า  ผู้เขียนก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบและคลั่งไคล้มังงะเป็นอย่างมาก  แต่ผู้เขียนคิดว่าตัวละครแบบไทยๆนั้นมีเสน่ห์ในตัวเองและเหมาะสมกับวรรณกรรมไทยมากกว่า เพราะมีความละเอียดอ่อนและเอกลักษณ์ที่ชัดเจน  ไม่จำเป็นที่จะต้องนำลายเส้นเลียนแบบมังงะมาใช้ในการ์ตูนวรรณกรรมไทย  หรือสื่อสิ่งพิมพ์บางประเภทของเด็กเลย

                มังงะนั้นใช่ว่าจะมีแต่ผลเสียต่อวัฒนธรรมหรือสังคมไทยเสียทีเดียว  ข้อดีของมังงะก็มีหลากหลายเช่น ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน สร้างจินตนาการ  ปลูกฝังการใช้ชีวิต  การเคารพผู้อาวุโส  รวมทั้งสอดแทรกข้อคิดเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ให้เรานำไปในชีวิตได้  เพียงแต่เราต้องมีวิจารณญาณในการเลือกอ่าน เลือกนำสิ่งที่ดีๆมาปรับใช้ และนำสิ่งไม่ดีมาเป็นแนวทางข้อคิดในการหลีกเลี่ยง  ไม่เพียงแค่เด็กหรือผู้อ่านเท่านั้นที่จะต้องมีวิจารณญาณในเรื่องของมังงะ  แต่ผู้ใหญ่ในสังคม หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องทางการพิมพ์ก็ต้องมีเช่นกัน  เพื่อความเหมาะสม และความพอเหมาะพอควรของการผสมผสานกันของวัฒนธรรม  ก่อให้เกิดความเรียบร้อยและความสงบสุขของสังคมไทย  เพราะมังงะก็เหมือนกับดาบสองคม ที่ใช้ถากถางปูแนวทาง แกะสลักสร้างสรรค์ และป้องกันตนเอง  และในขณะเดียวกันก็อย่าลืมว่ามังงะเป็นดาบที่สามารถทำให้เราเกิดบาดแผล และทำร้ายเราได้





วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2555

favorite books


สิ่งมีชีวิตในโรงแรม  และหนังสือกรุณาอย่ารบกวน
ในยุคปัจจุบันที่โลกของการอ่านและการเขียนได้ขยายและเปิดกว้างขึ้น  มีนักเขียนมือสมัครเล่นมากมายได้เกิดขึ้นทั้งจากเว็บอ่านหนังสือออนไลน์ เว็บบล็อก บอกเล่าเรื่องราวในจินตนาการ หรือเล่าเรียงจากประสบการณ์ตรง  ซึ่งก็มีนักเขียนหลายๆท่านได้ใช้ความสามารถในการเขียนและใช้สำนวนจนเป็นที่ถูกใจของผู้อ่านและสามารถฝ่าด่านจากการเขียนในโลกออนไลน์มาเป็นการเขียนในหนังสือที่จับต้องได้เป็นเล่มๆ หนังสือที่จะพูดถึงในครั้งนี้ก็เป็นหนังสือที่มีวิวัฒนาการจาก blog สู่ book เช่นกัน   หนังสือนี้เขียนโดยนามปากกา วิชัย เขียนขึ้นครั้งแรกในเว็บออนไลน์ www.exteen.com ชื่อดัง  เป็นหนังสือที่ได้รับการตีพิมพ์โดยบริษัท  a book และมีหลายเล่มที่ได้รับการตีพิมพ์ด้วย มีทั้ง หนังสือสิ่งมีชีวิตในโรงแรม , กรุณาอย่ารบกวน : Do Not Disturb , ซากะ อาโออิ : สิ่งมีชีวิตในเจแปน  และ ตะคริว ณ นิ่วใจ ICU EDITION  แต่หนังสือที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้นักอ่านได้รู้จักและคุ้นเคยกับผู้เขียนที่ชื่อวิชัยนี้ได้อย่างลึกซึ้งก็คือหนังสือสิ่งมีชีวิตในโรงแรม  และหนังสือกรุณาอย่ารบกวน ด้วยคำจำกัดความหนังสือสั้นๆที่ว่า ถ้าคุณคิดว่าชีวิตในโรงแรมห้าดาว จะถูกแวดล้อมไปด้วยความหรูหรามหาวิจิตร..คิดใหม่!”  ก็ทำให้คุณต้องเปลี่ยนมุมมองของการไปใช้บริการในโรงแรมไปได้เลย

                หนังสือสิ่งมีชีวิตในโรงแรม  และหนังสือกรุณาอย่ารบกวน เป็นหนังสือที่เปรียบเหมือนซีรีย์เรื่องยาวที่นำเอาเนื้อหาในblogเรื่องป่วยๆของคนในโรงแรม มาแบ่งย่อยแยกเป็นเรื่องๆ ให้ผู้อ่านได้ติดตามกัน  หนังสือชุดนี้เป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านประสบการณ์จริงของพนักงานโรงแรมชื่อวิชัย ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี ผ่านการทำงานมาหลายสถานที่ ทั้งโรงแรมชื่อดังของเชียงใหม่  โรงแรมสุดหรูในกรุงเทพ หรือแม้กระทั่งโรงแรมกลางป่าเขาใกล้ชายแดนสามเหลี่ยมทองคำ!  โดยเนื้อหาภายในเล่มจะมีการยกตัวอย่างเหตุการณ์ต่างๆที่เจ้าตัวได้พบเจอมาเขียนบอกพร้อมทั้งสอดแทรกมุขตลกและมุมมองที่แสนจะปวดตับ อีกทั้งยังมีการใช้สำนวนหรือคำศัพท์แปลกๆที่ไม่รู้หาได้จากพจนานุกรมเล่มใด มาใช้อธิบายความหมายความรู้สึกที่เจอในเหตุการณ์นั้นๆได้อย่างถึงลูกถึงคน  ดังเช่นตัวอย่างคำต่อไปนี้ ปวดตับ : คำบอกอาการเซ็งลงตับ จนเส้นประสาทในตับเสื่อม ทำอะไรไม่ถูกไปซักชั่วระยะหนึ่ง  ละลายเป็นเมือก : คำกิริยาแสดงอาการที่เหมือนกับจะบอกว่า เหนื่อยมากจนจั๊กกะแร้เปียก, ซากอ้อย : คำอุทานที่ใช้ขยายความถึงสิ่งต่างๆ แนวโน้มไปในด้านลบ

นอกจากหนังสือเล่มนี้นั้นจะเต็มไปด้วยมุขตลกและความสนุกสนานแล้วนั้น  สิ่งที่ขาดไม่ได้จากการอ่านหนังสือนั้นก็คือความรู้ ในหนังสือเล่มนี้ก็มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องโรงแรมแทรกอยู่มากมาย ทั้งคำศัพท์เฉพาะมากมาย เช่นการสั่งอาหารเช้า  เรื่องไข่ที่ดูเป็นเหมือนเรื่องง่ายๆ ก็กลับไปเรื่องยุ่งยากกันอย่างยิ่งของพนักงานโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นแบบ over hard,  sunny side up,  over easy  ถ้าเราๆท่านๆไม่ได้ใช้ชีวิตครึ่งชีวิตมากับภาษาอังกฤษ  ก็ต้องมีอาการงงๆบ้าง แต่พนักงานโรมแรมล่ะจะรับมือกับเรื่องไข่ๆที่ไม่ไข่นี้อย่างไร

นอกจากเรื่องอาหารเช้าแบบไข่ๆแล้ว ในหนังสือนี้ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่จะไขข้อข้องใจของหลายๆคน เช่นเรื่อง ทำไม"มินิบาร์"โรงแรมถึงแพงจังวะ? , ตำแหน่งงานในโรงแรม, เรื่องผีในโรงแรม, สัตว์เลี้ยงกับโรงแรม, พนักงานต้อนรับและแขกสุดป่วน เริ่มจะสนใจกันแล้วใช่หรือไม่  ลองแอบไปยืนอ่านหนังสือฟรีตามร้านหนังสือดูสิ (เอ๊ะ อย่าแก้ตัวนะว่าคุณไม่เคยทำ)   หรืออาจจะแวะเข้าไปอ่านในห้องสมุดมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  เหมือนที่ผู้เขียนได้พบกับหนังสือเล่มนี้ครั้งแรก  ครั้งแรกที่ผู้เขียนได้อ่านนั้นถึงกับรู้สึกวางไม่ลง  จนต้องนำไปอ่านในห้องอบรมการถ่ายรูป พร้อมทั้งนั่งแอบอมยิ้มและกลั้นหัวเราะอยู่คนเดียวจนเพื่อนนั่งข้างๆเริ่มรู้สึกแปลกๆไปเลยทีเดียว    

เมื่อคุณได้อ่าน  ผู้เขียนเชื่อว่าคุณจะต้องชอบหนังสือเรื่องนี้อย่างแน่นอน  และอย่าลืมซื้อมาเก็บไว้อ่านคลายเครียด  และให้อาหารสมอง ไม่แน่ว่าเมื่อคุณอ่านหนังสือสิ่งมีชีวิตในโรงแรม  และหนังสือกรุณาอย่ารบกวน สองเล่มนี้จนจบ คุณอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่แสนบังเอิญให้คุณได้พบหรือเดินกระทบไหล่กับบุคคลที่ถูกเขียนถึงในเล่ม เมื่อได้ไปใช้บริการในโรงแรมก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นอ่านหนังสือเล่มนี้ซะดีๆ คุณจะได้มีวิธีรับมือล่วงหน้า แล้วจะหาว่าไม่เตือน